การค้นพบสิ่งต่างๆ บนโลกเราบ่อยครั้งที่นับได้ว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นเดียวกัน ด้วยความที่โลกเราเกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปีมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เวลาพบเจออะไรมันจะเป็นสิ่งที่สร้างความฮือฮาอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการพบเจอเมืองๆ หนึ่งในประเทศจีนที่กลายเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก เมืองที่ว่าก็มีชื่อว่า เมืองซือเฉิง
เมื่อช่วงกลางปีที่แล้วได้มีการค้นพบอันยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งของประเทศจีนเป็นเมืองโบราณที่เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1,900 ปี บริเวณใต้ทะเลสาบเฉียนเต่า ชื่อว่าเมืองซือเฉิง เป็นเมืองที่คาดการณ์กันว่าน่าจะถูกสร้างมาตั้งแต่ยุคสมัยของราชวงศ์ฮั่นตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 751 ความพิเศษของการค้นพบในครั้งนี้ก็คือตัวปราสาทหรือส่วนอื่นๆ ยังคงมีความงดงามอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก เมืองแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งถูกเรียกว่า เมืองสิงโต เหตุผลก็มาจากว่าเมืองแห่งนี้อยู่ใกล้กับภูเขาสิงโตเป็นเมืองที่อยู่ในใต้ท้องทะเลสาบเฉียนเต่าแห่งนี้มายาวนานกว่า 50 ปี แล้ว แม้ว่าทะเลสาบแห่งนี้จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่าได้รับความนิยมแห่งหนึ่งในประเทศจีนแต่ก็แทบไม่มีใครรู้เลยว่าภายใต้ท้องทะเลสาบที่สวยงามแห่งนี้จะมีเมืองโบราณซ่อนอยู่ แถมยังเป็นเมืองโบราณที่มีอายุเก่าแก่ยาวนานมากว่า 1,900 ปีแล้วด้วย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ยังไม่ค่อยมีใครได้พบเห็นภาพของเมืองอย่างเป็นทางการว่าสภาพล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ได้มีการจินตนาการภาพของเมืองแห่งนี้เอาไว้มากมายจนกระทั่งมีนักดำน้ำได้ลงไปถ่ายรูปภาพของเมืองขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จเลยทำให้ค่อนข้างเป็นที่ตื่นตาตื่นใจต่อผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
ตามประวัติมีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเหตุผลที่เมืองซือเฉิงต้องจมลงไปใต้บาดาลแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำซินอันในช่วงปี พ.ศ. 2502 พื้นที่บริเวณเมืองโบราณแห่งนี้จึงได้กลายเป็นทะเลสาบในแบบฉบับที่มนุษย์สร้างขึ้นมาทันที ความลึกโดยเฉลี่ยของทะเลสาบแห่งนี้ก็อยู่ราวๆ 30 เมตร โดยจึงที่ลึกที่สุดมีความลึกอยู่ที่ 40 เมตร เมืองนี้ได้หลับใหลอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้มาด้วยระยะเวลายาวนานจนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลท้องถิ่นชูอันได้มีคำสั่งให้ค้นหาเมืองๆ นี้อีกครั้ง มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีใต้น้ำแห่งสถาบันกองทัพเรือจีนมาเป็นผู้ร่วมค้นหา จนในที่สุดก็สามารถสร้างแผนผังที่คาดว่าน่าจะเป็นลักษณะของเมืองๆ นี้ได้เป็นผลสำเร็จ จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลท้องถิ่นเองเตรียมที่จะจัดทำพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ได้ศึกษากันด้วย